ใครจะไปคิดว่าโหมดเกม Battle Royale ที่พบเจอได้ทั่วไปในเกมประเภท Survival ได้กลายเป็นผู้นำอุตสาหกรรมเกมทั่วโลกภายในเวลาแค่ปีเดียว ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเอ่ยถึงเกม Playerunknown’s Battlegrounds ผลงานจากสตูดิโอ Bluehole อัตราการเติบโตของจำนวนผู้เล่นออนไลน์พร้อมกันทะลุ 3.2 ล้านคน หรือการปรับตัวอย่างกระทันหันของเกม Fortnite สามารถสร้างฐานผู้เล่นได้มหาศาลภายในเวลาไม่ถึง 3 เดือน สาเหตุนี้เองทำให้ Battle Royale ไม่ใช่ MOD เกมอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นระบบเกมหลักเหมือน MOBA ที่เหล่าเกมเมอร์ต้องพบเจอกันไปอีกหลายปี
ความเป็นมาของโหมดเกม Battle Royale จึงคล้ายกับเกมแนว MOBA หากย้อนกลับไปในช่วงหลายปีก่อน นิยามคำว่า MOBA ถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้งจากผู้เล่น Dota-Allstars โหมด Custom Map ในเกม Warcraft 3 ไอเดียที่เกิดจากทีม Icefrog เป็นโหมดเกมที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจนเกิด Event การจัดแข่งขันแบบ eSports เมื่อฐานคนเล่นเยอะขึ้น นักพัฒนามองเห็นโอกาส อดีตทีมงานจาก Icefrog บางคนจึงออกไปสร้างเกมของตัวเอง โดยต่อยอดความสำเร็จจากโหมดเกม MOBA จนเราได้เห็นเกม League of Legends, Dota 2 และ Smite ยังคงครองส่วนแบ่งตลาด MOBA ไม่มีเกมไหนล้มลงได้
อย่างที่เห็น Battle Royale และ MOBA กำเนิดจาก MOD ของเกมชื่อดัง เปิดให้ผู้เล่นหรือนักพัฒนาที่มีไอเดียใหม่ๆ สามารถนำทรัพยากรของเกมที่มีอยู่ทั้งแผนที่ ตัวละคร หรือองค์ประกอบต่างๆ สร้างสรรค์ในรูปแบบเกมของตัวเอง แล้วนำเสนอแก่ Community ถ้าเกิดปังขึ้นมาก็นำไปต่อยอด ตัวอย่างเช่น Brendan Greene ผู้สร้าง PUBG และ Valve Corporation ที่คว้าทีม IceFrog มาพัฒนาเกม Dota 2 อาศัย Community เดิมเป็นแรงผลักดันช่วยให้เกมประสบความสำเร็จ