Razer แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกสำหรับเหล่าเกมเมอร์ ผงาดสู่ความเป็นผู้นำแห่งวงการเกมในงานจัดแสดงผลิตภัณฑ์ CES 2023 ยกทัพนวัตกรรมและสินค้ารุ่นใหม่มาอวดโฉมสู่สายตาแฟน ๆ เป็นครั้งแรก โดยจัดขึ้นภายใต้แนวคิดการนำเสนอเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อเปิดโอกาสให้คอเกมและผู้ที่ชื่นชอบในเทคโนโลยีได้สัมผัส ทดลองใช้งานนวัตกรรมใหม่ก่อนวางจำหน่ายจริง ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์ของงานคือผลิตภัณฑ์ Razer Edge สุดยอดเครื่องเล่นเกมพกพาระบบแอนดรอยด์ที่มีกำหนดวางจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้
สัมผัสตัวจริงและประกาศวันวางจำหน่าย Razer Edge และ Razer Edge 5G ในงาน CES 2023
Razer Edge โดดเด่นด้วยหน้าจอ AMOLED 6.8 นิ้ว ความละเอียด 2400×1080 FHD+ พร้อม Refresh Rate 144Hz เพื่อมอบประสบการณ์เกมมิ่งที่เชื่อมต่อออนไลน์ได้จากทุกที่ทุกเวลา โดยเป็นเครื่องเล่นเกมพกพารุ่นแรกที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานกับ Snapdragon G3x Gen 1 Gaming Platform รุ่นใหม่ล่าสุดโดยเฉพาะ พร้อมระบบระบายความร้อนแบบแอ็กทีฟเพื่อให้สามารถเล่นเกมระดับ AAA รวมถึงเกมอื่น ๆ ได้อย่างยาวนานโดยไม่ต้องกังวลว่าประสิทธิภาพจะลดลงเนื่องจากปัญหาความร้อน Razer Edge จะวางจำหน่าย 2 รุ่น ในสหรัฐฯ เริ่มจำหน่ายในวันที่ 26 มกราคม โดยรุ่น Razer Edge (Wi-Fi) จำหน่ายเฉพาะช่องทาง Razer.com และศูนย์จำหน่าย RazerStore ทั่วสหรัฐฯ ในราคา 399.99 ดอลลาร์ และรุ่น Razer Edge 5G จำหน่ายเฉพาะช่องทาง Verizon.com และศูนย์จำหน่าย Verizon Store โดยสามารถดูนราคาของ Razer Edge 5G จาก Verizon ได้ >ที่นี่<
แนวคิดการออกแบบ Project Carol เบาะรองศีรษะรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมระบบเสียง Near-field Surround Sound และระบบการสั่นตอบสนองแบบ Haptics
เรเซอร์นำเสนอ Project Carol เบาะรองศีรษะรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมระบบเสียง Near-field Surround Sound และระบบการสั่น Haptics เพื่อนำเกมเมอร์สู่โลกใบใหม่แห่งประสบการณ์เสียงที่เต็มอิ่มในทุกอารมณ์พร้อมการสั่นสะเทือนที่สมจริง โดย Project Carol เป็นผลงานการออกแบบนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของแผนกวิจัยและพัฒนาของเรเซอร์ ซึ่งประกอบด้วยทีมงานที่ทุ่มเทเพื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ขยายกลุ่มสินค้าของเรเซเอร์ในอนาคต และสามารถคว้ารางวัลงาน CES Innovation and Best of Show Awards มาแล้วมากมาย
Project Carol ยกระดับอารมณ์ร่วมและความสมจริงของเกมขึ้นไปอีกระดับด้วยความชาญฉลาดในการใช้ระบบเสียง Near-field Surround Sound ที่มอบเสียงที่ชัดใส ทำงานควบคู่กับระบบ 7.1 Surround Sound เพื่อมอบสุดยอดประสบการณ์เกมมิ่ง โดยระบบ Near-field Surround Sound ของ Project Carol แตกต่างจากหูฟังทั่วไปเนื่องจากจะให้เสียงที่ชัดเจนกว่าเพราะส่งตรงมาจากด้านหลัง มอบทัศนียภาพของเสียง (Soundscape) ที่โอบล้อมตัวผู้ใช้งานมากกว่า Project Carol ยังใช้เทคโนโลยีของเรเซอร์เจ้าของรางวัลระดับโลกอย่าง Razer™ HyperSense จึงสามารถเปลี่ยนเสียงในเกมให้เป็นการสั่นตอบสนองแบบเรียลไทม์ ทำให้เกมเมอร์สามารถรู้สึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้านหลังได้ ช่วยวางตำแหน่งผู้ใช้เสมือนอยู่กลางสมรภูมิในเกมได้อย่างสมจริง
Project Carol รองรับการทำงานบนพีซีและถูกออกแบบให้เหมาะสมกับเก้าอี้เกมมิ่งทุกรูปแบบ ซึ่งรวมถึงเก้าอี้รุ่นยอดนิยมของเรเซอร์อย่างซีรีส์ Iskur และ Enki โดยมีสายรัดที่ยืดปรับระดับได้ตามต้องการ เมื่อเชื่อมต่อด้วยสัญญาณไร้สาย 2.4GHz จะทำให้ Project Carol สามารถใช้เล่นเกมได้นานต่อเนื่องถึง 8 ชั่วโมงก่อนที่จะต้องทำการชาร์จใหม่อีกรอบ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Project Carol ของเรเซอร์ >ที่นี่<
โน้ตบุ๊ก Razer Blade รุ่นใหม่
การพัฒนาโน้ตบุ๊ก Razer Blade ในปี 2023 คือการเปลี่ยมาตรฐานใหม่ของเกมมิ่งแล็ปท็อป โดยผสานฟีเจอร์จอแสดงผลรุ่นใหม่อัตราส่วน 16:10 เข้ากับเทคโนโลยีการประมวลผลกราฟิกรุ่นใหม่ที่ทรงพลังสูงสุด และทั้งหมดอัดแน่นอยู่ในตัวเครื่องที่บางเบาตามแบบฉบับของเรเซอร์
โน้ตบุ๊ก Razer Blade 16 และ Razer Blade 18 เผยโฉมครั้งแรกในงาน CES 2023 โดยทั้งสองรุ่นติดตั้งขุมพลังชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุด 13th Generation Intel®️ Core™ i9 HX หน่วยประมวลผลกราฟิก NVIDIA®’s next-Generation RTX™ 40 Series ทำงานได้สูงสุดที่ 175W TGP และเมโมรีรุ่นอัปเกรดอย่าง DDR5 5600MHz ซึ่งการผสานเทคโนโลยีทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันต้องอาศัยนวัตกรรมการออกแบบขั้นสูงเพื่อให้สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพภายใต้ข้อจำกัดด้านอุณหภูมิ ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพของเทคโนโลยีระบบระบายความร้อนซึ่งเป็นสิทธิบัตรของเรเซอร์
Razer Leviathan V2 Pro ซาวด์บาร์ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Beamforming รุ่นแรกของโลกพร้อมฟีเจอร์ Head-Tracking AI
Razer Leviathan V2 Pro นำเสนอนวัตกรรมล่าสุดของระบบเสียง 3 มิติ เป็นซาวด์บาร์ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Beamforming สำหรับใช้งานกับเดสก์ท็อปรุ่นแรกของโลกพร้อมฟีเจอร์ Head-Tracking AI ด้วยความร่วมมือกับผู้บุกเบิกเทคโนโลยีเสียงอย่าง THX® และผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านระบบเสียง Beamforming 3 มิติอย่าง Audioscenic ซึ่งทำให้ซาวด์บาร์รุ่นใหม่จากเรเซอร์นี้มอบเสียงที่ดีที่สุดทั้งสองรูปแบบ โดยมอบเวทีเสียงที่ครอบคลุมรอบทิศทางและสามารถกำหนดให้ผู้ใช้งานอยู่ในตำแหน่งรับเสียงที่ถูกต้องแม่นยำเสมอเพื่อมอบประสบการณ์ด้านเสียงที่ดีเยี่ยมที่สุด โดยเทคโนโลยีทั้งหมดถูกติดตั้งอยู่ในตัวเครื่องที่กะทัดรัด รูปทรงสวยงามสุดพรีเมียม พร้อมการตั้งค่าที่ง่ายดาย ช่วยให้โต๊ะทำงานของคุณดูทันสมัย เรียบง่าย และสบายตา
เมื่อผสานระบบเสียง Beamforming Surround Sound เข้ากับเทคโนโลยี Head-Tracking AI ทำให้ Leviathan V2 Pro มอบเสียงแบบ 3 มิติที่ให้คุณดื่มด่ำในทุกอารมณ์ผ่านการทำงานร่วมกับกล้อง IR ที่ช่วยตรวจจับตำแหน่งของผู้ใช้งาน ซาวด์บาร์จึงสามารถปรับทิศทางเสียงให้พุ่งตรงไปยังตำแหน่งของผู้ใช้งานได้อย่างแม่นยำแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ใช้งานอยู่ในตำแหน่งรับเสียงที่ถูกต้องอยู่เสมอและได้รับประสบการณ์เสียงที่ยอดเยี่ยมที่สุด
เมื่อผสานการทำงานร่วมกับ THX® Spatial Audio เพื่อสร้างประสบการณ์เสียงที่เต็มอิ่ม ร่วมกับการปรับทิศทางเสียงตามตำแหน่งผู้ใช้งาน Audioscenic User Adaptive Beamforming ทำให้ซาวด์บาร์รุ่นนี้มอบประสบการณ์เสียงแบบ 3 มิติที่แท้จริงและตอบโจทย์ทุกคอนเทนต์ความบันเทิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งสามารถเลือกรับประสบการณ์เสียง 3 มิติได้ 2 โหมด ได้แก่ โหมด THX® Spatial Audio Virtual Headset สำหรับคอนเทนต์เสียงแบบสเตอริโอทุกรูปแบบ โดยให้สัญญาณเสียงที่แม่นยำตามตำแหน่งของชุดหูฟังที่สวมใส่อยู่ ในขณะที่โหมด THX® Spatial Audio Virtual Speakers ใช้กับคอนเทนต์ที่มีเสียงหลายชาแนล มอบเวทีเสียงที่กว้างครอบคลุมทั้งห้อง มอบประสบการณ์เสียงที่ดีเยี่ยมเหมือนกับการใช้ระบบเสียงโฮมเธียร์เตอร์ภายในบ้าน
Leviathan V2 Pro ติดตั้งซับวูเฟอร์ ถือเป็นซาวด์บาร์สำหรับพีซีที่มีไดรเวอร์หลายตัวเพื่อมอบเสียงแหลมที่ชัดใสและลึกและเสียงเบสที่หนักแน่น รองรับการทำงานกับระบบไฟ Razer Chroma™ RGB ให้คุณดื่มด่ำกับรูปแบบการจัดไฟมากถึง 30 โซนด้วยสีแสงไฟมากถึง 16.8 ล้านสี ซึ่งมีเกมที่รองรับระบบไฟที่ครอบคลุมที่สุดในโลกนี้มากกว่า 200 เกม
ดูรายละเอียดของ Leviathan V2 Pro ได้ >ที่นี่< กำหนดวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไปในราคาเริ่มต้น 399.99 ดอลลาร์ / 489.99 ยูโรที่ Razer.com และศูนย์จำหน่าย RazerStore
Razer Kiyo Pro Ultra เว็บแคมเซ็นเซอร์ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาเพื่อคุณภาพสูงระดับกล้อง DSLR
ยิ่งเซ็นเซอร์ใหญ่ ยิ่งให้คุณภาพของภาพสูง ซึ่ง Razer Kiyo Pro Ultra ได้สร้างนิยามใหม่ของมาตรฐานด้านภาพเพื่อนักสร้างคอนเทนต์และนักสตรีมมิ่งรุ่นใหม่ ด้วยการใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในตลาดเว็บแคม เพื่อมอบประสบการณ์ภาพขั้นสูงที่ให้รายละเอียดความคมชัดระดับเดียวกับกล้อง DSLR พร้อมการใช้งานที่ง่ายดายแบบเว็บแคมทั่วไปที่เสียบสายแล้วใช้งานได้ทันที
หัวใจสำคัญของเว็บแคมระดับมืออาชีพของเรเซอร์คือการใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่สุดของอุตสาหกรรมอย่าง Sony 1/1.2″ STARVIS™ 2 ด้วยขนาดพิกเซล 2.9 μm สามารถเก็บแสงและข้อมูลภาพได้ทุกพิกเซล ทำให้ได้ภาพที่มีรายละเอียดและสีสันที่ครบถ้วน และเพื่อให้เซ็นเซอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ Kiyo Pro Ultra จึงใช้เลนส์ที่สั่งทำโดยเฉพาะที่มีรูรับแสงกว้างพิเศษขนาด F/1.7 ซึ่งเก็บแสงได้มากกว่าเว็บแคมทั่วไปถึง 4 เท่า เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดใสแม้ถ่ายในสภาพแสงน้อย
คุณภาพขั้นสูงของภาพเกิดจากการทำงานของหน่วยประมวลผลที่ทันสมัยที่สามารถแปลงคลิป Raw 4K 30 FPS (หรือ 1080P 60 FPS) เป็น 4K 24 FPS, 1440p 30 FPS, หรือ 1080p 60 FPS (แบบ uncompressed) ได้โดยตรงเมื่อคุณทำการสตรีม และเพื่อรับประกันว่านักสตรีมจะอยู่ในตำแหน่งจุดสนใจในกรอบภาพเสมอ ระบบ AI-powered Face Tracking Auto-focus) ของ Kiyo Pro Ultra จะคอยตรวจจับใบหน้าของผู้ใช้งานตลอดเวลาเพื่อให้เห็นภาพใบหน้าที่ชัดเจน ไม่หลุดโฟกัส พร้อมกับการช่วยเบลอพื้นหลังได้อย่างสวยงามด้วย Bokeh Effect ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำจบในตัวโดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์ต่อพ่วงหรือติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติมแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังมีระบบ High Dynamic Range (HDR) ที่รองรับการถ่ายที่ระดับ 30FPS ทำให้นักสร้างคอนเทนต์ได้ภาพที่สวยงามสมจริงผ่านความสามารถของ Kiyo Pro Ultra ในการระบุค่าแสงและคอนทราสต์ได้แบบอัตโนมัติไปพร้อมกับการปรับค่าในโซนสว่างและโซนมืดให้ได้ระดับสมดุล ซึ่งจะทำให้เรามองเห็นรายละเอียดและพื้นผิวที่มีสีสันเข้มขึ้นได้อย่างชัดเจน นักสร้างคอนเทนต์ยังสามารถใช้งานร่วมกับ Razer Synapse เพื่อการปรับค่าที่ละเอียดขึ้นเพื่อยกระดับคุณภาพคอนเทนต์ผ่านการตั้งค่าสำเร็จรูปที่ปรับแต่งเองได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นค่า ISO ความเร็วชัตเตอร์ การแพน-ทิลท์ และอีกมากมาย
นอกจากนี้ Kiyo Pro Ultra ยังสามารถเสียบสายใช้งานและต่ออนไลน์ได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ผ่านการเชื่อต่อด้วยสาย USB 3.0 ที่เรียบง่าย ผู้ใช้จึงสามารถเชื่อมต่อและเข้าถึงการสร้างไฟล์คุณภาพระดับมืออาชีพได้อย่างรวดเร็ว
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Razer Kiyo Pro Ultra ได้ >ที่นี่< โดยกำหนดวางจำหน่ายในงันที่ 5 มกราคม 256 ในราคาเริ่มต้น 299.99 ดอลลาร์ / 299.99 ยูโร ผ่านทาง Razer.com และศูนย์จำหน่าย RazerStore
อุปกรณ์ต่อพ่วง VR สำหรับ Meta Quest 2 เพื่อประสบการณ์ Virtual Reality ที่สมจริง
เรเซอร์ยังเผยโฉมอุปกรณ์ต่อพ่วง VR อีก 2 รุ่นสำหรับ Meta Quest 2 ได้แก่ Razer Adjustable Head Strap System และ Razer Facial Interface เพื่อยกระดับการเล่นเกม VR และเพิ่มความสะดวกสบาย ซึ่งทั้ง Razer Adjustable Head Strap System และ Razer Facial Interface ออกแบบสำหรับใช้งานกับ Meta Quest 2 โดยความร่วมมือระหว่างเรเซอร์และ ResMed ผู้เชี่ยวชาญชั้นแนวหน้าด้านมนุษยปัจจัย (Human Factors)
Razer Adjustable Head Strap System ถูกออกแบบมาให้สวมใส่สบาย ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานด้วยการสร้างสมดุลของน้ำหนักที่สอดรับกับศีรษะทุกรูปทรง ด้วยวัสดุไนลอนคุณภาพสูงที่มอบความทนทาน สวมใส่สบายและเชื่อถือได้ ทั้งยังช่วยประจายน้ำหนักให้รู้สึกสวมใส่ได้อย่างสมดุลในระหว่างการเล่นเกม แถบปรับขนาดที่นุ่มสบายจะช่วยให้เกมเมอร์สามารถสวมใส่ได้อย่างลงตัวและง่ายดายเพื่อลดการหยุดชะงักขณะเล่นเกมโปรด
ส่วน Razer Facial Interface ถูกพัฒนาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและการรองรับที่สมบูรณ์แบบ ผลิตด้วยวัสดุเมมเบรนขึ้นรูปที่มีผิวสัมผัสบางละเอียด จึงช่วยลดแรงกดบนใบหน้า ทั้งยังเป็นวัสดุเกรดทางการแพทย์ อ่อนโยนไม่ทำให้เกิดอาการแพ้เพื่อลดอาการระคายเคืองผิว เมื่อสวมใส่จะสามารถปิดกั้นแสงได้ทั้งหมด แต่ยังสามารถระบายอากาศได้ดี ช่วยให้เกมเมอร์ดื่มด่ำกับประสบการณ์เกมมิ่งที่เหนือกว่า และยังใช้วัสดุพื้นผิวที่ไม่มีรอยต่อเพื่อให้ถูกสุขลักษณะและง่ายต่อการดูแลทำความสะอาด ในขณะที่รูปทรงโค้ง 3 มิติช่วยสร้างสมดุลและรองรับได้อย่างสบายตลอดเวลาที่สวมใส่
อุปกรณ์ต่อพ่วง VR สำหรับ Meta Quest 2 ของเรเซอร์กำหนดวางจำหน่ายในสหรัฐฯ ช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 และจะจัดจำหน่ายที่ภูมิภาคอื่น ๆ ในอนาคต ดูรายละเอียดเพิ่มเติม >ที่นี่<