อย่างที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันเกมสไตล์ Battle Royale มีอยู่มากมายหลายเกมแต่จะมีกันกี่เกมที่จะสามารถอยู่รอดได้ แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่า ณ ตอนนี้ก็คือ “การคงอยู่และเหลือรอด” บนสมรภูมิธุรกิจเกมมือถือในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีวงจรชีวิตแสนสั้นและมีการช่วงชิงผู้เล่นอย่างดุเดือด Free Fire ในไทยยังคงยืดหยัดและก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 อย่างเต็มภาคภูมิ การันตีด้วยรางวัลต่างๆมากมาย และการติด Top10 อย่างไม่เคยแผ่วตั้งแต่เกมเปิดจึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า “ทำไมเกมแบบนี้ ถึงอยู่มาได้นาน?” กับ 6 เหตุผลที่ดู จะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และทำให้ Free Fire คงกระพัน
1.เปิดก่อนได้เปรียบ
ย้อนกลับไปราว 2 ปีก่อน Free Fire เป็นเกม Action เอาตัวรอดเกมแรกๆ บนมือถือ ที่ตัดสินใจโดดลงสู่สมรภูมิ อย่างไม่ลังเล แม้ว่าในช่วงแรกเกม Free Fire จะไม่ได้มีกราฟฟิคที่สวยสดงดงาม หรือสมจริงในช่วงปลายปี 2017… สิ่ง Free Fire ให้ความสำคัญในช่วงนั้นคงเป็น Gameplay ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เล่นส่วนมาก และนับว่าเป็นการบุกเบิกวงการ Battle Royale บนมือถือก่อนที่เกมค่ายยักษ์บนมือถืออื่นๆ จะไหวตัวทัน
2. เล็ก สั้น ขยันอัปเดต
ตัวเกมเล็ก… เกมสั้น… ขยันอัปเดตทุกเดือน นับว่าเป็นจุดขายที่แข็งแรงของเกม Free Fire เลยก็ได้ เรื่องที่มีขนาดตัวเกม & ตัวติดตั้งเกม Battle Royale เล็กที่สุดในโลก ไม่ถึง 500 MB ซึ่่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เครื่องไหนก็ติดตั้งได้ง่ายๆ และเล่นได้อย่างลื่นไหล แต่ละเกมของ Free Fire มีลักษณะเป็นเกมสั้น ที่เล่นง่ายและจบไว อีกทั้งยังถูกปรับแต่งมาให้ประหยัดพลังงานมือถือ ทำให้เล่นได้หลายแมทช์มากกว่า เกมในประเภทเดียวกัน
3. Action เอาตัวรอดยุคใหม่ ต้องทำให้ติดใจ แต่ไม่ทำให้ติดเกม
ด้วยการพัฒนาที่ตัว “Gameplay” ให้เน้นไปที่ความสนุกของผู้เล่น Free Fire มากกว่า จึงมีการสร้างสรรค์โหมดแปลกๆ มามากมายเพื่อทำให้ผู้เล่นไม่รู้สึกเบื่อหน่าย และสามารถเล่นเกมในเวลาที่จำกัดได้ ตอบโจทย์การเล่นเกมมือถือทุกที่ทุกเวลา แบบไม่จดจ่อจนเกินไป และทำให้ผู้เล่นได้ Enjoy กับช่วงเวลาอื่นๆของชีวิตได้มากขึ้น สนับสนุนการ Work Half Play Half เป็นอย่างดี
4. เข้าถึง เข้าใจ ไม่แบ่งแยกชนชั้นผู้เล่น
ไม่ว่าจะป็น ผู้เล่นที่ใช้มือถือในะระบบ iOS หรือ Andriod ก็สามารถ สัมผัสประสบการณ์ของเกม Free Fire ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยผู้เล่นสามารถปรับตั้งค่าคุณภาพในการเล่นได้ตั้งแต่ แบบลื่นไหล ไปจนถึงระดับ HD รวมไปจนถึงเลือกดาวน์โหลดคอนเท้นเกมให้เหมาะกับเครื่องได้ด้วย ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ถูกบรรจุอยู่ในตัวเกมเวอร์ชั่นเดียว โดยไม่มีการแบ่งแยกเป็นเวอร์ชั่น “กะทัดรัด” หรือ “สเป็กน้อย” ให้ผู้เล่นรู้สึกแบ่งแยก ผู้เล่นทุกคนสามารถเล่นเกมพร้อมกันในเซิร์ฟเวอร์เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นมือถือไหน ก็สามารถเล่นได้อย่างเท่าเทียม
5. สังคมเกมประชาธิปไตย ดูแลและร่วมสร้างเกมด้วยทีมงานชาวไทย
“Free Fire ประเทศไทย มีทุกวันนี้ เพราะเติบโตไปพร้อมกับผู้เล่น” เนื่องจากเกมนี้เป็นเกมที่ Garena พัฒนาขึ้นมาเองเป็นเกมแรก อีกทั้งยังทำการตลาดและดูแลผู้เล่นด้วยทีมงานชาวไทย “ความต้องการของผู้เล่น” จึงเป็นสิ่งที่ทีมงานชาวไทยให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ จากช่วงเวลาที่ผ่านมา Free Fire ได้มีการอัปเดตต่างๆ ที่นำเอาคำแนะนำของผู้เล่นมาสร้างสรรค์ คอนเท้นต์ที่โดนใจผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็น ตัวละครสัญชาติไทยอย่าง “กล้า” , แฟชั่นอัปเดตตามคำเรียกร้อง เช่น เสื้อลายรอยสัก, ชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่ และอีเว้นท์ที่มีกลิ่นอยาของความเป็นไทย อย่างสงกรานต์ หรือ วันแม่ เป็นต้น
6. สร้างงาน สร้างอาชีพ
ข้าสู่ยุค 2019 ที่เกมไม่ได้เป็นเรื่องมอมเมาเยาวชน อย่างที่ทุกคนเข้าใจ… เกมตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา Free Fire มีการผลักดันวงการ eSports ของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง จนเกิดนักกีฬา eSports มืออาชีพมากมาย ที่เห็นได้ชัดก็คืออีเว้นท์ใหญ่ล่าสุดของเกม Free Fire ProLeague Presented by dtac ที่คัดเลือกนักกีฬามากฝีมือจากทั่วฟ้าเมืองไทย มาแข่งขันและชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 4,000,000 บาท อีกทั้งยังเป็นใบเบิกทางสู่ เส้นทางนักกีฬา eSports ระดับโลกที่ Free Fire World 2019
ไม่เพียงแค่บทบาทของการเป็นนักกีฬา eSports อย่างเดียวเท่านั้น Free Fire ยังมีโครงการ Free Fire Creators ทีเปรียบ เสมือนโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ที่มีใจรักในการเล่นเกม และอยากเป็นแคสเตอร์ ได้ปลดปล่อยความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่ พร้อมมีทุนสนับสุน รวมถึงโอกาสในการสร้างคอนเท้นต์กับทีมงาน Free Fire อีกด้วย
ไม่ใช่แค่เกมที่ดี แต่ต้องเป็นเกมที่ใช่! นั่นคือเหตุผล 6 ประการที่ทำให้ Free Fire ครองใจผู้เล่นมาตลอด 2 ปี ด้วยเนื้อหาที่เข้าใจผู้เล่น และมุ่งเน้นให้เกิดความสนุกที่ตรงกับผู้เล่นไทยมากที่สุ พัฒนาเกมไปพร้อมๆกับผู้เล่น
ลิงก์ดาวน์โหลด