การเลือก หูฟังเกมมิ่ง (Gaming Headset) ที่ดีสามารถสร้างความแตกต่างในการเล่นเกมได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพเสียงที่คมชัด ไมโครโฟนที่ช่วยให้การสื่อสารที่ดียิ่งขึ้น หรือระบบช่วยตัดเสียงรบกวนที่ช่วยให้คุณโฟกัสกับเกมได้ดีกว่าเดิม ในปี 2025 ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านเสียงและการเชื่อมต่อได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หูฟังเกมมิ่งรุ่นใหม่ๆ มาพร้อมฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น
บทความนี้จึงแนะนำ 10 หูฟังเกมมิ่งที่ดีที่สุดในปี 2025 ของแต่ละแบรนด์ เลือกจากคุณภาพเสียง ความสบายในการสวมใส่ เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และฟีเจอร์ที่อำนวยความสะดวกในการเล่นเกม ไม่ว่าคุณจะเป็นเกมเมอร์สายแข่งขันหรือสายแคชชวลก็สามารถใช้งานได้
สารบัญ
แนะนำ 10 หูฟังที่ดีที่สุดในปี 2025 แต่ละแบรนด์
HyperX Cloud III

หูฟังเกมมิ่งแบบมีสายที่ออกแบบมาให้สวมใส่สบายและมีคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม ไมโครโฟนสามารถถอดออกได้และมีระบบตัดเสียงรบกวน เหมาะสำหรับการเล่นเกมระยะยาว และเป็นตัวเริ่มต้นของเกมเมอร์หลายคนที่อยากลองใช้หูฟังเกมมิ่งในราคาไม่แรง
ราคา: ประมาณ 3,500 บาท
แพลตฟอร์มที่รองรับ: PC, PS5, PS4, Xbox Series X|S, Xbox One, Nintendo Switch
เว็บไซต์ที่วางจำหน่าย: HyperX Official Store
ข้อดี:
- ระบบเสียง DTS Headphone:X ให้มิติเสียงที่สมจริง
- ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนแบบ 3D Noise Cancelling
- ดีไซน์สวมใส่สบายเหมาะกับการเล่นเกมระยะยาว
Razer Barracuda X Chroma

ต่อมาหูฟังไร้สายที่มาพร้อมฟีเจอร์ Razer SmartSwitch Dual Wireless ทำให้สามารถสลับการเชื่อมต่อระหว่าง PC และอุปกรณ์อื่นๆ ได้สะดวกสบาย ตัวหูฟังน้ำหนักเบาและออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยให้สวมใส่สบายแม้ใช้งานเป็นเวลานาน
ราคา: ประมาณ 3,500 บาท
แพลตฟอร์มที่รองรับ: PC, PS5, PS4, Nintendo Switch, Android
เว็บไซต์ที่วางจำหน่าย: Razer Official Store
ข้อดี:
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ ไร้สาย 2.4GHz และ Bluetooth 5.2
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 50 ชั่วโมง
- ไดรเวอร์ Razer TriForce 40mm ให้เสียงคมชัด
SteelSeries Arctis Nova 7 Wireless

แบรนด์ต่อมาหูฟังไร้สายที่มาพร้อมไดรเวอร์ Neodymium Magnetic และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนด้วย AI แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 38 ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็วผ่านพอร์ต USB-C และเชื่อมต่อผ่านดองเกิล USB-C ได้หลากหลายอุปกรณ์ เป็นหูฟังอีกตัวที่ครบเครื่องราคากลางๆ
ราคา: ประมาณ 5,500 บาท
แพลตฟอร์มที่รองรับ: PC, PS5, PS4, Xbox Series X|S, Xbox One, Nintendo Switch, Mobile
เว็บไซต์ที่วางจำหน่าย: SteelSeries Official Store
ข้อดี:
- รองรับ Dual Wireless (2.4GHz & Bluetooth)
- ไมโครโฟน AI Noise-Cancelling ตัดเสียงรบกวนได้ดี
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ถึง 38 ชั่วโมง
Sony INZONE Buds

เกมเมอร์ไม่ชอบใส่แบบ Full Set ขอแนะนำหูฟังไร้สายแบบ Earbud ที่มีระบบตัดเสียงรบกวน ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์ที่ต้องการเล่นเกมอย่างจริงจัง ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนาน เชื่อมต่อแบบ USB-C 2.4 GHz แต่ราคาค่อนข้างสูง
ราคา: ประมาณ 7,990 บาท
แพลตฟอร์มที่รองรับ: PC, PS5, Mobile
เว็บไซต์ที่วางจำหน่าย: Sony Official Store
ข้อดี:
- ระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Active Noise Cancelling (ANC)
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 12 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ
- เชื่อมต่อผ่าน USB-C 2.4GHz & Bluetooth
Logitech G Pro X 2 Lightspeed

อีกหนึ่งรุ่นที่ยอดฮิต หูฟังไร้สายที่มาพร้อมไดรเวอร์กราฟีนและระบบเสียง DTS Headphone:X 2.0 ให้เสียงที่คมชัดและสมจริง ไมโครโฟน Blue VO!CE ช่วยปรับแต่งเสียงพูดให้ชัดเจน และแบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 50 ชั่วโมงแบบเต็มเหนี่ยวสองวันชาร์จสักที
ราคา: ประมาณ 6,000 บาท
แพลตฟอร์มที่รองรับ: PC, PS5, PS4, Nintendo Switch, Mobile
เว็บไซต์ที่วางจำหน่าย: Logitech G Official Store
ข้อดี:
- ใช้ไดรเวอร์ กราฟีน 50 มม. ให้เสียงคมชัด
- รองรับ DTS Headphone:X 2.0
- เชื่อมต่อได้ทั้ง USB-C 2.4GHz และ Bluetooth
Corsair HS80 RGB Wireless

ลำดับต่อมาหูฟังไร้สายที่รองรับ Dolby Atmos ให้เสียงรอบทิศทางที่สมจริง โครงทำจากวัสดุคุณภาพสูงมาพร้อมกับไฟ RGB ที่ปรับแต่งได้ผ่านไดฟ์เวอร์ ไมโครโฟนแบบ Omni-directional ให้เสียงพูดที่ชัดเจนคุณภาพดี
ราคา: ประมาณ 4,500 บาท
แพลตฟอร์มที่รองรับ: PC, PS5, PS4
เว็บไซต์ที่วางจำหน่าย: Corsair Official Store
ข้อดี:
- รองรับ Dolby Atmos 3D Audio
- เชื่อมต่อผ่าน Slipstream Wireless 2.4GHz
- ไมโครโฟน Omni-directional ให้เสียงชัดเจน
ASUS ROG Delta S Wireless

ค่ายนี้อาจจะรู้น้อยว่ามีแต่ของดีไม่แพ้แบรนด์อื่นๆ กับหูฟังไร้สายที่ใช้เทคโนโลยี AI Beamforming Microphones และระบบตัดเสียงรบกวน AI Noise Cancelation ให้เสียงพูดที่คมชัด ไดรเวอร์ Essence ขนาด 50 มม. ให้เสียงที่ทรงพลังและชัดเจนเหมาะมากสำหรับสาย FPS แถมไม่หนักหู
ราคา: ประมาณ 6,500 บาท
แพลตฟอร์มที่รองรับ: PC, PS5, PS4, Nintendo Switch
เว็บไซต์ที่วางจำหน่าย: ASUS Official Store
ข้อดี:
- ไมโครโฟน AI Beamforming ลดเสียงรบกวน
- รองรับ USB-C 2.4GHz และ Bluetooth
- ดีไซน์เบาสบายเหมาะกับการเล่นเกมยาวๆ
Bose QuietComfort 45 Gaming Headset

ใครชอบของดีทีเดียวจบต้อง หูฟังที่รวมเอาคุณภาพเสียงระดับพรีเมียมของ Bose เข้ากับฟีเจอร์สำหรับเกมเมอร์ มีระบบตัดเสียงรบกวนและโหมด Aware เพื่อรับเสียงภายนอก ไมโครโฟนถอดได้และมีเสียงพูดที่ชัด แต่ราคาแรงมากเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ แต่ด้วยคุณภาพก็เหมาะสมกับราคา
ราคา: ประมาณ 9,500 บาท
แพลตฟอร์มที่รองรับ: PC, PS5, PS4, Xbox Series X|S, Xbox One, Mobile
เว็บไซต์ที่วางจำหน่าย: Bose Official Store
ข้อดี:
- ระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling (ANC)
- สามารถใช้โหมด Aware Mode เพื่อฟังเสียงรอบตัว
- เชื่อมต่อผ่าน 3.5mm, USB-C, และ Bluetooth
Sennheiser GSP 670

ถ้าพูดถึงหูฟังยังไงก็ต้องมีของแบรนด์นี้ ตระกูล GSP หูฟังไร้สายที่มีระบบเสียงความละเอียดสูงและระบบตัดเสียงรบกวน ไมโครโฟนคุณภาพสูงที่ให้เสียงพูดที่คม และการออกแบบที่สวมใส่สบายเหมาะกับเกมเมอร์ แต่เป็นแบรนด์ที่มีราคาทำให้คนรู้จักอาจจะน้อยแต่ถ้าเป็นเกมเมอร์ตัวจริงต้องรู้จักแบรนด์นี้แน่นอน
ราคา: ประมาณ 8,000 บาท
แพลตฟอร์มที่รองรับ: PC, PS5, PS4
เว็บไซต์ที่วางจำหน่าย: Sennheiser Official Store
ข้อดี:
- ใช้ระบบเสียง Low Latency Bluetooth สำหรับเล่นเกม
- ไมโครโฟน ตัดเสียงรบกวนระดับสตูดิโอ
- รองรับการชาร์จเร็ว 7 นาที ใช้งานได้ 2 ชั่วโมง
EPOS H6PRO Closed

เป็นหูฟังเกมมิ่งแบบ มีสาย (Wired) ที่ออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์เสียงระดับไฮเอนด์ ด้วยระบบ Closed-back ที่ช่วยป้องกันเสียงรบกวนภายนอก ทำให้เสียงภายในกระชับและชัดเจนมากขึ้น เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการโฟกัสกับเกมแต่ไม่แนะนำสำหรับใครที่ต้องการได้ยินภายในนอกบ้างเพราะบางทีคนเรียกอาจจะไม่ได้ยินอะไรเลย
ราคา: ประมาณ 6,500 บาท
แพลตฟอร์มที่รองรับ: PC, PS5, PS4, Xbox Series X|S, Xbox One, Nintendo Switch
เว็บไซต์ที่วางจำหน่าย: EPOS Official Store
ข้อดี:
- ระบบเสียง High-fidelity audio ให้เสียงสมจริง
- ไมโครโฟน ถอดออกได้ และมีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน
- รองรับการเชื่อมต่อผ่าน 3.5mm Jack