น่าจะเป็นเกมบนมือถือที่ชาวโลกรอกันมานานถึง 2 ปีด้วยกัน สำหรับ Blade II : The Return of Evil (블레이드2) เกมภาคต่องานดีจากค่าย Action Square ที่มาสานต่อความมันส์จากเกมในภาคแรกอย่าง Blade หรือ Blade of Kakao โดยความโดดเด่นในภาค 2 ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคงเป็นระดับของกราฟฟิกตัวเกม ที่อัพเกรดขึ้นมามากจนภาคแรกเทียบไม่ติด ผ่านเอนจิ้นพัฒนาเกมในระดับโลกอย่าง Unreal Engine 4 ทำให้ตัวเกมในภาคนี้จัดหนักจัดเต็มด้านเอฟเฟค และกราฟฟิกต่างๆ ภายในเกม อีกทั้งตัวเกมยังควบแน่นไปด้วยระบบการต่อสู้ที่เข้าถึงได้ง่าย เนื้อเรื่องที่เข้มข้น และโหมดการเล่นอันหลากหลายสมใจอยากสาย Action อย่างแน่นอน
เกี่ยวกับตัวเกม
Blade II : The Return of Evil เป็นเกมแนว Action RPG สไตล์ Instant Dungeon ที่จะให้เราต่อสู้กับศัตรูเป็นด่านๆ และดำเนินเรื่องราวไปทีละลำดับ ตัวเกมโดดเด่นเป็นอย่างมากในด้านกราฟฟิกของตัวเกม ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของตัวละครหลักทั้ง 4 ตัว ศัตรูต่างๆ บอส คัทซีน ฉาก จนรวมไปถึงกราฟฟิก หรือแสงสี ล้วนถูกออกแบบและสร้างสรรค์มาเป็นอย่างดี จนทุกสิ่งอย่างเมื่อนำมาจัดเรียงร่วมกันแล้ว สามารถนำเสนอความดุดัน รวดเร็ว รุนแรง เท่ห์ และงดงามออกมาร่วมกันได้อย่างลงตัว
ความพิเศษของตัวเกมในภาคนี้ ยังคงอยู่ที่ “ตัวละคร” เฉกเช่นเดิม แต่ใน Blade II เราจะได้บริหารจัดการเหล่าตัวละครพร้อมกันไปถึง 4 ตน และสามารถนำตัวละคร 2 ใน 4 เข้าดันเจี้ยนร่วมไปกันได้ โดยตัวละครทั้ง 4 ตนประกอบไปด้วย Warrior, Assassin, Wizard และ Fighter ซึ่งทั้ง 4 ตัวละครล้วนมีอาวุธ เทคนิค จังหวะ และระยะในการโจมตีต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งด้วยการมาพร้อมกันถึง 4 ตัวละครนี้ เราอาจจำเป็นต้องเลือกว่าจะเล่นตัวละคร 2 ตัวไหนเป็นหลัก เพราะการพาเข้าดันเจี้ยนทั้ง 2 ตัวละคร จะได้รับ EXP อยู่แค่ 2 ตัวนั้นเท่านั้น ซึ่งนี่ยังไม่รวมการเปิดกาชาปอง หรือการดรอปไอเทม ที่เน้นไปที่ตัวละครใดตัวหนึ่งเป็นหลัก คงเป็นเรื่องยากทีเดียวที่สายฟรี หรือสายเติมเองคงต้องเหนื่อยอยู่เหมือนกัน ที่จะต้องปั้นทั้ง 4 ตัวละครไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นการเลือกตัวละครที่ชอบ 2 ตัวมาใช้เล่นเป็นหลักน่าจะดีที่สุดแล้ว
ในด้าน “ระบบการควบคุม” ตัวเกมใช้ระบบการควบคุมเหมือนเกม Action RPG ทั่วๆ ไป โดยจะมีปุ่มสกิลให้ใช้ 4 สกิล 3 สกิลทั่วไป อีก 1 เป็นสกิลไม้ตายที่ต้องเก็บเกจก่อน และเมื่อใช้จะปรากฎคัทซีนเท่ห์ๆ ออกมาให้ได้ชมกัน นอกจากนี้ยังมีปุ่มป้องกัน และปุ่มท่าสกิลจับทุ่มพิเศษ ซึ่งจะปรากฎออกมาเป็นหัวกระโหลกสีฟ้าๆ ให้กดบางเวลา สำหรับการสลับตัวละคร เราสามารถกดสลับได้ผ่านปุ่ม “TAG” ซึ่งสามารถสลับตัวละครไปมาได้ตลอดทั้งเกม ทั้งนี้การสลับตัวละครจะเป็นการเรียกใช้สกิลพิเศษของอีกตัวละครหนึ่งอีกด้วย นอกจากนี้ตัวเกมยังมีระบบ Auto ซึ่งแยกออกมาเป็น Auto ธรรมดา ซ่งตัวละครจะไม่ใช้สกิล กับ Auto Skill ที่ตัวละครจะใช้สกิลให้เองโดยอัตโนมัติอีกด้วย
สำหรับด้าน “ระบบการอัพเกรด” ตัวเกมมาพร้อมสรรพทั้งระบบอัพเกรดอุปกรณ์สวมใส่ และระบบอัพเกรดตัวละคร รวมไปถึงยังมีระบบปีก ระบบอัพเกรดดวงชะตาตัวละคร ระบบปลดล็อคค่าสเตตัส ระบบอัพเกรดความสัมพันธ์ตัวละคร ซึ่งเรียกได้ว่าจัดมาครบ แต่ที่แย่หน่อยก็ตรงที่ระบบอัพเกรดบางระบบดันเน้นให้เราต้องปั้นตัวละครทั้ง 4 ไปพร้อมๆ กันเนี่ยแหละ ส่วนในด้าน “โหมดการเล่นต่างๆ” ก็มีมาให้สนุกยังครบถ้วน ทั้งดันเจี้ยนพิเศษ ภารกิจรายวัน รายสัปดาห์ PVP หรือ PVE แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โหมดส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ความเป็น Action ของตัวเกมแทบทั้งสิ้น
“Action ภาพสวย จัดเต็มครบ 4 ตัวละคร”
Blade II : The Return of Evil ค่อนข้างยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ในด้านกราฟฟิก และระบบ Action ตัวเกมนำเสนอกราฟฟิก และท่วงท่าการต่อสู้ รวมไปถึงสกิลเอฟเฟคออกมาได้เท่ห์ และดูดุดันเป็นอย่างมาก แต่ถ้าถามว่าผมไม่ชอบอะไรในตัวเกมเกมนี้ ก็คงเป็นระบบที่ค่อนข้างจะบังคับให้เราต้องเล่นตัวละครให้ครบทั้ง 4 ตัวละครเนี่ยแหละ แต่ถ้าดูในภาพรวมแล้ว ตอนนี้คงหาเกมแนว Action RPG ไหนมาเทียบเกม Blade II : The Return of Evil ได้ยากทีเดียว ในด้านท่วงท่า และเอฟเฟคในการโจมตี
ลิงก์ดาวน์โหลด (สโตร์เกาหลี)