การกลับมาอีกครั้งของซีรีส์เกมยิงแหลกสุดแฟนตาซี ที่คราวนี้ มาในรูปแบบภาคแยก Spin off ที่เน้นความบ้า ความกาว และความหลุดโลกให้สมกับเป็น Borderlands ให้มากยิ่งขึ้นไปอีก และนี่คือ Tiny Tina’s Wonderlands
Tiny Tina’s Wonderlands เล่าเรื่องราวสุดแสนจะกาว ในขณะที่โลกหลักของ Borderlands กำลังวุ่นวายกันอยู่นั้น Tiny Tina และผองเพื่อน กลับเอาเวลามาล้อมวงนั่งเล่นบอร์ดเกมกันซะยังงั้น แถมยังเป็นบอร์ดเกมสุดจะแฟนตาซี เต็มไปด้วยเวทมนตร์คาถา และเราจะรับบทเป็น Fatemaker ผู้สร้างโชคชะตาของตัวเอง และมีเป้าหมายหลักในการปราบ Dragon Lord จอมวายร้าย
เอาเป็นว่า ส่วนของเนื้อเรื่อง คุณจะช่างมันไปเลยก็ได้ เพราะเอาจริง ๆ ซีรีส์ Borderlands มันก็ไม่เคยจะเน้นจริงจังกับเนื้ออเรื่องสักเท่าไรอยู่แล้ว เพราะสิ่งที่แฟน ๆ จะคาดหวังได้จากซีรีส์นี้ก็คือความมัน ความเดือด ี่เกมอื่นเทียบได้ยากมาก และขอบคุณทีมงาน 2K และ Gearbox ที่พวกเขาเหลาจุดเด่นนี้ออกมาได้ดีมากในภาคนี้
สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างแรกในเกมเพลย์ภาคนี้ คือเราสามารถสร้าง และออกแบบตัวละครของตัวเองได้แล้ว โดยมีมากถึง 6 สายอาชีพด้วยกัน แต่ละอาชีพจะมีจุดเด่น จุดด้อยที่แตกต่างกันออกไปเป็นอย่างมาก เราสามารถกำหนดปูมหลังของตัวละครที่เราสร้างขึ้นมาได้ด้วย การกำหนดปูมหลังนี้จะช่วยให้เราได้สเตตัสตั้งต้นที่ไม่เหมือนกัน ก็ขึ้นอยู่กับว่า เราอยากจะเริ่มเล่นด้วยตัวละครคลาสอะไร แต่ท้ายที่สุดเราสามารถปลดล็อคการเล่นสายต่าง ๆ มาผสมผสานกันได้อยู่ดี ขึ้นอยู่กับว่าเราจะ Build ตัวละครออกมาเป็นยังไง
การนำเสนอของเกมนี้จะเปลี่ยนแปลงไปจาก Borderlands ภาคหลักเล็กน้อย เมื่อคราวนี้เราจะมีมุมมองแบบบอร์ดเกมให้ได้เล่นกัน ลองนึกถึงพวกเกม RPG สมัยเก่า ๆ Final Fantasy อะไรแบบนั้น ที่เราจะเดินทางไปทั่วโลกได้ แต่จะมีไซส์ตัวละครจิ๋ว ๆ แทน แล้วพอเดินไปเจอจุดภารกิจต่าง ๆ เกมก็จะเด้งเข้าหน้าต่อสู้ และกลายเป็นเกม Borderlands แบบปกติที่เราได้เล่นกัน
สิ่งที่เปลี่ยนไปอีกอย่างหนึ่งคือการเปลี่ยนจากระเบิดมาใช้เวทมนตร์แทน ทำให้เราสามารถรีดดาเมจได้อย่างต่อเนื่องมากกว่าที่ระเบิดเคยทำได้ ทำให้เกมนี้บู๊ได้ไหลลื่นกว่ามาก และอีกอย่างคือ ปืนในเกมนี้จะมีมากมายหลากหลายร้อยหลายพันกระบอกให้ได้เล่นกันเหมือนเดิม มีตั้งแต่ปืนปกติที่เหมือนปืนทั่วไป กับปืนบ้าบอคอแตกตามสไตล์ Borderlands ให้ไดเห็นกัน
ด้วยความที่ฉากหลังของเกมมันคือโลกของบอร์ดเกมสไตล์แฟนตาซี ดังนั้นสิ่งที่คุณจะได้พบเจอในเกมภาคนี้ แทบจะเป็นสิ่งที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อนในภาคหลัก ไม่ว่าจะเป็นฉากหลัง ดินแดนต่าง ๆ เหล่าศัตรู และรูปแบบการเล่น ่ที่พร้อมจะมอบประสบการณ์การยิงแหลกแบบเต็มอิ่มให้คุณ ยาวนานในหลัก 30-40 ชั่วโมงขึ้นไปเลยก็ว่าได้ และมุกตลกที่สอดแทรกเข้ามาในเกมนี้ก็ถือว่าจัดหนัก จัดเต็ม แซวทุกอย่าง จิกกัดทุกสิ่ง ตั้งแต่วงการเกมไปจนถึงสื่อบันเทิงอื่น ๆ ชนิดที่ว่าใครเสพ Pop Culture มาเยอะ ๆ เจออะไรหลายอย่างในเกมนี้ มีขำก๊ากกันแน่นอน
และไม่ต้องห่วงว่าคุณจะเสพเนื้อเรื่อง หรือมุกแต่ละอย่างไม่รู้เรื่อง เพราะเกมนี้รองรับซับไตเติลภาษาไทยอย่างเป็นทางการด้วย ถือเป็นเกมแรกของค่าย 2K เลยก็ว่าได้ที่มีการใส่ซับไตเติลภาษาไทยอย่างเป็นทางการ แถมยังแปลได้ดีอีกต่างหาก พวกมุกตลกต่าง ๆ บางอันก็มีการแปลให้คนไทยเก็ท และเข้าใจได้ง่ายขึ้น จะตินิดหน่อยตรงที่ฟอนต์มันดูเป็นเกมยุคเก่าไปซะหน่อย แต่ถ้าจะมองว่ามันทำให้เข้ากับธีมแฟนตาซีย้อนยุคของเกมก็คงจะได้เช่นกัน
ปิดท้ายด้วยคอนเทนต์ End Game ที่จัดหนักและชวนให้ผู้เล่นติดพันกับ Chaos Chamber ที่ภาคนี้จะไม่เหมือนภาคอื่น ๆ แต่ใส่ความเป็น Roguelike เข้าไปในเกม ทำให้มันมีรสชาติที่แปลกใหม่กว่าหลาย ๆ ภาคที่ผ่านมา แต่จะสนุกมากน้อยแค่ไหน อาจจะขึ้นอยู่กับความชอบของผู้เล่นเองแล้ว
โดยรวมนี่คืออีกหนึ่งเกมที่แฟนเกม Borderlands ไม่ควรพลาดไม่ว่าจะด้วยประการใด ใครที่อยากหามาเล่น ตอนนี้เกมมีวางขายแล้ว ทั้งบน PC, PS4, PS5, XBOX One, XBOX Series X|S สั่งซื้อได้ที่ >คลิก<